เก่งไม่กลัว กลัวช้า, ใหญ่ไม่กลัว กลัวเร็ว

เมื่อเทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ทำให้กติกาในโลกธุรกิจเปลี่ยนไป ความยิ่งใหญ่ที่ปราศจากความรวดเร็ว
การเป็นผู้นำที่หยุดการพัฒนาต่อยอดทุกวันนี้อาจสร้างวิกฤตมากกว่าเป็นเพียงข้อจำกัด มาดูกันว่ารูปแบบธุรกิจค้าขายสินค้า และบริการ
ที่มีต้องพัฒนาเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยีนั้นมีอะไรบ้าง

Digital Product / Digital Transformation

 

 

# Digital Product #
เมื่อ Internet และ Digital Product กลายเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก โอกาสทางธุรกิจ สินค้า และบริการมากมายก็เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งเช่นกัน 
เริ่มต้นได้ด้วยการลงทุนที่น้อย ความสามารถในการขยายตัว และผลิตซ้ำ ลักษณะการเข้าถึงที่ไม่ยึดติดกับทำเลที่ตั้ง 
 

เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่น่าสนใจ
– Advertising (โฆษณา)
– Affiliate Marketing (การแนะนำบอกต่อ)
– eBook (หนังสืออิเล็กทรอนิกส์)
– eLearning (สอนหนังสือ)
– e-Wallet (กระเป๋าเงินดิจิตอล)
– Data Storage (คลังเก็บข้อมูล)
– Games (เกมส์)
– Photo (รูปภาพ)
– Music (เพลง)
– Live Event (ประสบการณ์ถ่ายทอดสด)
– Search Engine (ค้นหาข้อมูล)
– Service Application (App บริการบนมือถือ)
– Software as a service (ซอฟท์แวร์ออนไลน์)
– Marketplace (ตลาดออนไลน์)
และอื่นๆอีกมากมาย

# Digital Transformation #
คนรุ่นใหม่ ใครๆก็ใช้เทคโนโลยีเป็นธุรกิจที่ก้าวทันโลก อาจไม่ใช่ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด แต่คือผู้ที่ใช้ประโยชน์กับสิ่งที่ตัวเองมี และเข้าใจได้มากที่สุด ในขณะที่มีผู้คนมากมาย
สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการที่น่าสนใจมากมาย ความเข้าใจในตัวธุรกิจ และการเลือกนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ หัวใจสำคัญระบบ ติดตาม GPS Real time ทำให้ลูกค้ารู้ว่าสินค้าถูกจัดส่งอยู่ที่ไหน

ระบบ บัญชีการเงินอัตโนมัติ ที่สามารถจัดการโดยใช้บุคคลเพื่อการควบคุมดูแล
ระบบ คลังสินค้าที่ดีก็จะช่วยให้
การบริหารจัดการปริมาณสินค้าได้ดียิ่งขึ้น
ระบบ ประชุมออนไลน์ ต่างสถานที่ก็ทำงานร่วมกันได้ ลดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพและระบบอื่นๆอีกมากมาย ที่เมื่อก่อนมีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่มีโอกาสใช้เท่านั้นเพราะต้นทุนที่สูงมาก แต่ว่าในทุกวันนี้ มีบริการ ถูก และดีมากมาย
ให้เราเลือกใช้เพื่อทำให้เราสามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

 

Retail Dropship/ B2B Dropship

 

# Retail Dropship #
ธุรกิจ Dropship นั้นคือการที่เราขายสินค้าของผู้อื่นโดยที่เราเป็นคนตั้งราคาขาย และไม่ต้องเก็บสินค้าที่ขายไว้ในสต็อก เมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อ เราก็จะซื้อสินค้าจากเจ้าของสินค้า 
และให้ทางเจ้าของสินค้าจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าโดยตรง เพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยทำธุรกิจดรอปชิปมาก่อนสั่งของจากเวปไซต์ที่หนึ่ง (Supplier) ขายสินค้าไปยังอีกเวปไซต์หนึ่ง (Customer)

ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายเป็นอย่างมาก

การเริ่มต้นศึกษาวิธีการ และการลงมือทำจริงก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด การซื้อขายข้ามประเทศ ติดต่อธุรกิจผ่านอินเตอร์เน็ตไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่ในโลกยุคปัจจุบันอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามทุกธุรกิจต่างก็มีข้อดี ข้อเสีย ศักยภาพ และข้อจำกัด ควรศึกษาข้อมู และหาความรู้จากผู้มีประสบการณ์จริงก่อน

# Business Dropship #
ในขณะที่หลายๆคนเพิ่งรู้จักคำว่า Dropship กันไม่เกิน 5 – 10 ปีนี้ แต่แนวคิด Dropship มีมานานแล้ว ทั้งฮ่องกง และสิงคโปร์เป็นพ่อค้าคนกลางระดับโลกมาเป็นเวลาหลายปี สั่งของจากประเทศหนึ่ง ให้ส่งไปอีกประเทศ 
เป็นการดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อก่อนคงเป็นไปไม่ได้สำหรับคนทำธุรกิจเล็กๆ แต่ไม่เสมอไปในยุคปัจจุบัน การเข้าถึงแหล่งสินค้า และความสามารถในการติดต่อสื่อสารไม่ได้เป็นอุปสรรคในการค้าขายในโลกนี้อีกต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นระบบการสั่งซื้ การขนส่งทางอากาศ ทางเรือ กรมศุลกากร ภาษีนำเข้า ส่งออก ล้วนสามารถหาข้อมูล และใช้บริการได้อย่างทันสมัยกันหมดแล้วทั่วโลก

และที่มากไปกว่านั้น แนวคิด Dropship ยังถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการให้บริการต่าง ๆ มากมาย หรือ ที่รู้จักกันในนาม “Outsourcing”

Work Less, Work Smart, Get More Productivity  คงเป็นแนวทางของการทำธุรกิจสมัยนี้จริงๆซะแล้ว

 

 

Social Commerce / Social Enterprise

 

# Social Commerce #
เมื่อนำ Social มาจับคู่กับคำว่า commerce ก็จะได้ความหมายตรงตัว คือ การค้าขายผ่านช่องทาง โซเชียล มีเดีย หรือ การนำ social media มาเป็นเครื่องมือในการค้าขาย นั้นเอง 

อย่างที่รู้กันว่า social media นั้นเป็นเครื่องมือตัวฉกาจในการสร้าง impact แก่กลุ่มลูกค้าได้ในวงกว้าง สามารถเจาะจงถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งการขายของออนไลน์นั้นจะต้องมีการทำควบคู่ไปกับการใช้ social media 
การมีส่วนร่วมจากลูกค้า ( engagement) มากขึ้น เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างแฟนคลับ การสื่อสารแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพ
ทำให้ผู้คนติดตามได้รับข้อมูล และอัพเดตเป็นประจำ ทำให้สามารถพูดคุย และติดต่อสื่อสารกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้นผ่าน social media ที่คุ้นเคย ทำให้ customer service มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในการตอบคำถามหรือแก้ไขปัญหา เครื่องมือโฆษณา ของ social media สามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ Like Comment Share สามารถสร้าง “digital footprint” 

ทำให้กับธุรกิจเป็นที่รู้จัก และถูกจดจำในโลก digital มากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการตัดสินใจซื้อ ของผู้บริโภคที่ง่ายยิ่งขึ้น เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า social commerce 
นั้นมารถสร้าง impact ต่อผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ช่วยทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น อำนวยความสะดวกในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ ส่งผลให้มีกำไร และการซื้อขายที่มากขึ้น

# Social Enterprise #
ถึงแม้ Social Commerce จะช่วยให้มีผลลัพธ์ทางธุรกิจมากขึ้น แต่คำว่ามากขึ้นไม่ได้แปลว่าจะยั่งยืนเสมอไป การทำธุรกิจที่ยั่งยืน และส่งผลกระทบที่ดี
ต่อสังคมในระยะยาวนั้นเรียกว่า Social Enterprise ซึ่ง Social Enterprise ในมุมมองของคนทั่วไป อาจหมายถึงธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมาย ในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม

แต่แท้จริงแล้ว Social Enterprise คือ แนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อผลกระทบที่ดีต่อกลุ่มผู้ได้ประโยชน์ทุกๆ คนในสังคมยกตัวอย่างเช่น 
การผลิตสินค้าที่เป็นประโยขน์ต่อผู้บริโภค และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หรือ สังคม การสร้างบริการต่อยอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
เพื่อทำให้ที่เกิดการสร้างอาชีพ และธุรกิจในชุมชน Social Commerce เป็นการใช้ impact ของ social media เพื่อสร้างกำไร ในขณะที่ Social Enterprise 
คือการสร้าง impact ที่ยั่งยืน และ ผลลัพธ์ของการทำสิ่งที่ดีให้แก่สังคมนั้น ก็จะส่งผลกระทบที่ดีแก่ตัวธุรกิจเองอีกด้วยใครรู้จักธุรกิจที่นอกจากใช้ Social Commerce 
ให้เป็นประโยชน์แล้วอย่างสร้างสรรค์ยังสามารถแบ่งปันให้กับสังคมในลักษณะ Social Enterprise อีกด้วย

 

 

Omni-channel/ Automated System

 

# Omni Channel #
ถ้าสนใจ e-Commerce น่าจะคุ้นเคยกับคำว่า Omni Channel Omni Channel นั้นถ้าให้สรุปง่ายๆ คือการเชื่อมโยงทั้งระบบการซื้อขายหน้าบ้าน และระบบ operation หลังบ้านของธุรกิจ e-Commerce เข้าด้วยกัน
เพื่อให้เกิดประสบการณ์การซื้อขายสินค้าอย่างราบรื่นในทุกๆ ช่องทางจัดจำหน่ายการเชื่อมโยงระบบหน้าบ้าน และหลังบ้านที่สมบูรณ์ จะทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการสินค้าคงคลัง การจัดส่ง และการทำโปรโมชั่นให้เข้าถึงผู้ซื้อได้ในทุกๆ ช่องทางการขาย 
เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาซื้อสินค้าใหม่ ยกตัวอย่าง เช่น ลูกค้าเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ผ่านช่องทาง e-Commerce จะได้รับโปรโมชั่นจากในเว็บไซต์ แต่ต้องการไปรับสินค้าที่หน้าร้านเพื่อจะไปดูสินค้าจริ 
ระบบจะทำการตรวจสอบสินค้าที่มี และให้ลูกค้าเลือกสาขาที่ใกล้ที่สุด เมื่อลูกค้าเข้าไปถึงร้าน พนักงานก็จะสามารถดึงข้อมูลสินค้าที่ลูกค้าต้องการ เมื่อลูกค้าได้ทำการดูสินค้าที่ตัวเองสนใจ ก็อาจจะมีการเลือกชมสินค้าเพิ่มเติม แต่พบว่าสินค้าที่สนใจเพิ่มนั้นหมด 
พนักงานก็จะสามารถตรวจสอบสต๊อกในระบบหลังบ้าน และสามารถทำการจัดส่งสินค้าได้ถึงบ้านลูกค้าได้อีกด้วย เมื่อการซื้อขายสำเร็จ ระบบจะจดจำพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้า นำไปสู่การเสนอสินค้าอื่นๆ ผ่านช่องทางการทำการตลาด เช่น social media หรือ email marketing เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาซื้อสินค้าใหม่
 
การทำ Omni Channel จะช่วยให้ธุรกิจสามารถ ตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าทุกที่ทุกเวลา ทำให้เกิดการรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคที่ดีขึ้นช่วย เพราะผู้ขายสามารถติดตามผู้บริโภคได้ในหลายช่องทาง
การตลาดที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับผู้บริโภคจะใช้ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่รวบรวมไว้

# Automate System #

การทำระบบ Automation นั้นคือการที่เรานำ Technology จับคู่กับการวางแผนโครงสร้างระบบให้สามารถดำเนินการด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติและเมื่อนำมาใช้กับการขาย ก็จะก่อให้เกิดการขายที่ไม่ต้องใช้ “คนขาย” อีกต่อไป 
หรือที่เรียกกันว่า Automated Sysyem Technology ที่ก้าวหน้านั้นจะทำให้ผู้บริโภคสะดวกสบายยิ่งขึ้น และทำให้เกิดการขายที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น

การทำ customer service ที่ใช้ chat bot มาพูดคุย และรับ order จากลูกค้าเพื่อนำส่งเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ 

การทำการตลาด โดย email automation ที่ส่งรายละเอียดโปรโมชั่นสินค้าที่ลูกค้าสนใจจากข้อมูลพฤติกรรมการเลือกชมสินค้า และสามารถปิดการขายได้ด้วยตัวมันเองเพียงไม่กี่คลิกแม้แต่ internet of things ก็เช่นกัน เทคโนโลยีที่เชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะในการใช้สูง ยกตัวอย่างเช่น ตู้เย็นอัจฉริยะใน บ้าน Smarthome
ที่สามารถแจ้งเตือนไปยัง smartphone ของคุณว่าไข่ไก่ใกล้หมดแล้ว และจะทำการสั่งซื้อให้โดยอัตโนมัติตามที่คุณเคยตั้งค่าไว้ การซื้อขายนั้นจะไม่ถูกยึดติดกับช่องทางจัดจำหน่ายแบบเดิมๆอีกต่อไป

 

 

Online Auction / Unreserved Market

 

# Online Auction #
การซื้อขายแบบประมูลนั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยยุคกรีกโรมัน และมีการพัฒนามาเรื่อยๆจนถึงยุคปัจจุบันในรูปแบบการประมูลออนไลน์ที่ก้าวข้ามข้อจำกัดของทำเลที่ตั้งผู้ซื้อสามารถเสนอราคาได้ทุกที่ ทุกเวลา เพียงแค่ไม่กี่คลิก ก็ได้รับสินค้าส่งตรงถึงบ้า
เราคงได้เห็นเว็บไซตประมูลมากมายทั้งของไทยและต่างประเทศ ในรูปแบบ time auction, live auction หรือแม้กระทั้งใน social media เช่น facebook live ในประเทศไทย
ที่พ่อค้าแม่ค้า social media นำสินค้าของตนออกมาให้ชมและประมูลกันแบบสดๆ
การขายสินค้าในลักษณะประมูลนั้นไม่เพียงทำให้ผู้ซื้อสามารถเสนอราคาซื้อสินค้าที่ต้องการ แต่ผู้ขายก็สามารถขายสินค้าออกไปได้ง่ายยิ่งขึ้นร่วมถึงประสบการณ์ความสนุก ตื่นเต้นในการซื้อขายที่รูปแบบการซื้อขายแบบปกติไม่สามารถมอบให้ได้

# Unreserved Market #
อย่างไรก็ตาม สำหรับการซื้อขายแบบประมูลทyjวไปนั้นก็ยังมีข้อจำกัด หรือ อุปสรรคที่อาจทำให้การซื้อขายไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น ผู้ซื้ออาจมองว่าราคาเสนอขายนั้นสูงกว่ามูลค่าแท้จริงของสินค้า และผู้ขายนั้นก็ไม่สามารให้ราคาที่ต่ำลงได้
เนื่องจากข้อจำกัดของต้นทุนอีกมากมาย การซื้อขายก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะว่า ราคากลายเป็นเงื่อนไข และอุปสรรค แต่ว่า ยังคงมีการซื้อขายอยู่รูปแบบหนึ่งที่สามารถก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดของราคาได้ การค้ารูปแบบนั้นมีชื่อว่า การค้าแบบไร้ราคาสงวน
สถานที่ค้าขายที่ “ราคา จะไม่ใช่อุปสรรค” อีกต่อไป

 

 

 

 

 

 

ที่มา https://www.rapbizz.com

5 รูปแบบธุรกิจยอดฮิต ยุคเศรษฐกิจ 4.0
Tagged on: