ติดต่อจดทะเบียนบริษัท

จดทะเบียนบริษัท รับจดทะเบียนบริษัท

ให้บริการ ด้านการจัดตั้งธุรกิจ รับจดทะเบียนบริษัททุกประเภท รับเป็นที่ปรึกษาด้านบัญชี ภาษี ตรวจสอบภายใน ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์พร้อมด้วยบริการอย่างมีประสิทธิภาพ ราคาเป็นธรรมและซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา

ประเทศภูฏาน (อังกฤษ: Bhutan; เกี่ยวกับเสียงนี้ /buː'tɑːn/ (วิธีใช้·ข้อมูล) บูตาน)[2] หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรภูฏาน เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีขนาดเล็ก และมีภูเขาเป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียกับประเทศจีน จดทะเบียนบริษัทภูฏาน

ชื่อในภาษาท้องถิ่นของประเทศคือ Druk Yul แปลว่า "ดินแดนของมังกรสายฟ้า (Land of the Thunder Dragon)" นอกจากนี้ยังเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Druk Tsendhen และชื่อเพลงชาติ เนื่องจากที่ภูฏาน เสียงสายฟ้าฟาดถือเป็นเสียงของมังกร ส่วนชื่อ ภูฏาน (Bhutan) มาจากคำสมาสในภาษาบาลี ภู-อุฏฺฏาน อันมีความหมายว่า "แผ่นดินบนที่สูง" (ในภาษาฮินดี สะกด भूटान ถอดเป็นตัวอักษรคือ ภูฏาน)

• ประวัติศาสตร์ภูฏาน ความเป็นมาประเทศภูฏาน
• ชาวภูฏานปัจจุบันซึ่งเรียกว่า ดรุกปะ (Drukpas) ไม่ใช่เป็นพลเมืองดั้งเดิมของประเทศแห่งนี้ และอาณาเขตทางภูมิศาสตร์ในปัจจุบันก็มิใช่อาณาเขตดั้งเดิมเมื่อพันปีมาแล้ว อย่างไรก็ตามก็ได้มีผู้เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ตอนต้นไว้หลายทฤษฎี ทฤษฎีหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า ประเทศแห่งนี้แต่เดิมเป็นที่อาศัยของเผ่าอินโด-มองโกลอยด์ ข้อสนับสนุนสำหรับเรื่องนี้ก็ตรงที่ได้พบพิธีกรรมโบราณ ภาพเขียนสีน้ำและเครื่องมือดนตรีของชาวภูฏานมีลักษณะคล้ายคลึงกับสิ่งเดียวกันนี้ของอาณาจักรฮินดูโบราณ

• อย่างไรก็ตามประเด็นที่เหมือนกันนี้เป็นผลมาจากอิทธิพลของศาสนาพุทธของธิเบตที่มีต่อภูฏาน ซึ่งศาสนาพุทธจากธิเบตก็ได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียอีกทอดหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีข้ออ้างอิงอีกว่า อาณาบริเวณที่เป็นประเทศภูฏานในปัจจุบันนี้ถูกปกครองโดยหัวหน้าเผ่าต่างๆกันมาก บางคนก็มีเชื้อสายชาวอินเดีย และมีความจงรักภักดีต่อผู้ปกครอง Kamrup (อัสลัม) นี่ก็เป็นเหตุผลพอฟังได้ แต่ก็ไม่มีข้อพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ที่เด่นชัดที่จะสนับสนุนทฤษฎีนี้ อันที่จริงและแน่นอนและเป็นที่ยอมรับกันก็คือ ภูฏานได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากวัฒนธรรมอันเดียว แม้ว่ามันจะเป็นอิทธิพลที่รับผ่านจากธิเบตก็ตาม กล่าวคือ การเข้ามาของศาสนาจากธิเบตได้เริ่มมีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 7 แล้วขณะที่ธิเบตกำลังเป็นเพื่อนบ้านที่มีอำนาจมากขึ้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่บรรดาหัวหน้าเผ่าต่างๆ ตามแว่นแคว้นต่างๆ ของภูฏานกำลังเสื่อมอำนาจ

• ประวัติศาสตร์ภูฏานตอนต้น
• ประวัติศาสตร์ของภูฏานมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศาสนาพุทธ หลักฐานชิ้นแรกที่อ้างอิงได้ว่ามีอิทธิพลมีอิทธิพลพุทธศาสนาในประเทศแห่งนี้ ก็คือ เหตุการณ์ในรัชสมัยของกษัตริย์สตรองเสน แกมโบ (Strongtsen Gampo) แห่งธิเบต ผู้ซึ่งประกาศเอาศาสนาพุทธมาเป็นศาสนาประจำชาติธิเบตและสร้างวัดวาอารามเป็นจำนวนมาก ทั้งในประเทศธิเบตและดินแดนใกล้เคียง ซึ่งรวมทั้งดินแดง 2 แห่งในภูฏาน คือ คิชู(Kyichu) ในหุบเขา บัมทัง (Bumthang)

• สิ่งที่แสดงถึงอิทธิพลของศาสนาพุทธในภูฏานอีกประการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 9 คือ นักบุญชาวอินเดียที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งชื่อ คุรุ ปัทมสัมภวะ (Guru Padmasambhava) มีฉายาว่า Lotus Born ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธในธิเบต (คำสอนของเขามีชื่อเรียกว่า Nyingma) ท่านผู้นี้ได้เดินทางมาเยือนภูฏานถึงสองครั้ง ครั้งแรกก็โดยการเชิญของบุคคลกึ่งนิยายถึงประวัติศาสตร์ชื่อ สินธุ ราชา (Sindhu Raja) ซึ่งเป็นกษัตริย์อินเดีย เชื่อกันว่า เป็นผู้ปกครองที่บัมทัง เรื่องราวการเดินทางมาเยี่ยมภูฏานของคุรุ ปัทมสัมภวะ นั้นอยู่ในตำนานซึ่งรวบรวมโดย Gelong Nyerchen Drepa และได้รับการแปลโดย Michael Aris ดังมีสาระดังนี้ พระเจ้าสินธุ ราชา ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นหนึ่งของอินเดียได้หนีออกจากแคว้นของพระองค์เพราะ เกิดกบฏ และได้เข้ามาที่ Chakhar ในบัมทัง เมื่อมาถึง ณ เมืองนี้ก็ได้สร้างประสาทราชวัง 9 ชั้นขึ้น ในระยะนี้ได้มีเรื่องขัดแย้งทางพรมแดนระหว่างอินเดียกับมอน (Mon ชื่อเดิมของ ภูฏาน) สินธุ ราชา ยกกองทัพเข้ารุกรานกษัตริย์ Nawache ผู้ซึ่งมีดินแดนติดต่อกัน ในระหว่างสงคราม โอรสของราชา ชื่อ Tala Membar ก็สามารถรุกรานและเอาผู้คนไปยึดครองดินแดนต่างๆได้ดังนี้ Darje Drag ในธิเบต , Khangsar ในมอน , Lingor ใน Hor ใน Sindhapari ในอินเดีย แม้ว่า Tala จะมีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลดังกล่าวนี้ แต่ในที่สุดพระองค์ก็ถูกกษัตริย์ Nawoche ฆ่าตายเมื่ออายุได้ 20 ปี เพื่อเป็นการแก้แค้น สินธุ ราชา ก็ยกกองทัพและเข้าทำการเผาที่ตั้งมั่นขแงกษัตริย์ Nawoche ก็ตอบแทนโดยการเข้ายึดป้อม 20 แห่งของสินธุ ราชา ฝ่ายสินธุ ราชาก็ฆ่าผู้ติดตาม กษัตริย์ Nawoche 16 คน และฆ่าหัวหน้า เสนาบดีคนหนึ่งพร้อมบุตรชายอีกด้วย หลังจากนั้นมาก็มีข่าวลือไปทั่วว่า ถ้าบอน (Bons) ประสบความสำเร็จ อินเดียก็จะถูกพิชิต ถ้าอินเดียประสบความสำเร็จบอนทั้งหมดก็จะถูกพิชิต

• สินธุ ราชา มีความเดือดดาลเมื่อสูญเสียลูกชายไป พระองค์จึงเตรียมการแก้แค้นโดยที่ไม่ได้ทำการบวงสรวงต่อภูตผีวิญญาณที่เคยคุ้มครองอยู่ เป็นผลให้เทวดา ปีศาจ นาคา ไม่พอใจขัดเคือง ภูตผีวิญญาณและเทวดาเหล่านี้จึงพากันโกรธแค้น สินธุ ราชา และทำการลงโทษโดยทำให้สินธุ ราชา เจ็บปวดจนไม่มีหนทางรักษาได้ ขณะนั้นมีเข้าครองแคว้นเล็กๆที่พรมแดนได้มาบอกแก่สินธุ ราชา กษัตริย์ Nawoche มี lami องค์หนึ่งชื่อ ปัทมสัมภวะ เป็นชาวอินเดียมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากสามารถรักษาพระองค์ให้หายได้ สินธุ ราชา ก็เชื่อและส่งคนพร้อมกับทองคำผงไปให้แก่ปัทมสัมภวะ และเชิญมายังพระราชวังที่ Chakhar และขอร้องให้รักษาให้หายและพระองค์ก็จะตอบแทนให้ทุกอย่างที่ปัทมสัมภวะต้องการ ปัทมสัมภวะก็ทำพิธีนั่งสมาธิติดต่อกับวิญญาณเหล่านั้น และในที่สุดก็ช่วยทำให้ สินธุ ราชา หายจากความเจ็บป่วยได้เป็นปลิดทิ้งแล้ว คุรุ ปัทมสัมภวะ ก็ได้ชี้แจงเหตุผลถึงความยุ่งยากที่เกิดขึ้นระหว่างสินธุ ราชากับ Nawoche ว่าการทะเลาะวิวาทระหว่างท่านทั้งสองนำความหายนะและความตายให้เกิดแก่คนทั้งสองฝ่ายเพื่อให้วิญญาณเหล่านี้มีความสุขก็ขอให้เลิกทะเลาะวิวาทกันเสีย และให้เป็นมิตรกันตลอดไป และทั้งสองฝ่ายก็ตกลงตามที่คุรุขอร้องและมีการกล่าวคำสาบานต่อกันว่าจะเป็นมิตรกันตลอดไป มีการปักเสาหินไว้ตรงพรมแดนมิให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดลุกล้ำเข้าไป ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนภูตผีวิญญาณจะลงโทษทันที แล้วทุกฝ่ายก็สาบานกัน หลังจากนั้นทุกฝ่ายก็แยกย้ายกันไป คุรุก็เดินทางกลับอินเดีย

• อิทธิพลของธิเบตต่อภูฏาน
• ตามตำนานปรากฏว่าอิทธิพลของธิเบตมีมากต่อภูฏาน นั้นได้เริ่มต้นเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 9 เมื่อกองทหารของธิเบตได้บุกเข้าไปในภูฏาน ตามคำเชื้อเชิญของชาวภูฏานเพื่อให้ไปขับไล่ผู้บุกรุกจากอินเดีย ครั้นเมื่อชาวธิเบตทำงานสำเร็จแล้ว ก็ไม่ยอมกลับประเทศ เพราะติดใจภูฏาน ดังนั้นจึงมีชาวธิเบตอยู่ในภูฏานตั้งแต่บัดนั้น ต่อมาได้มีการฆ่าพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมากโดยพวก Bons ในธิเบต ทำให้ชาวธิเบตอพยพเข้ามาในภูฏานมากขึ้น จนกระทั่งถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อ Ngawang Namgyal ขึ้นปกครองภูฏาน ทำให้อิทธิพลและการอพยพมาของชาวธิเบตลดน้อยลงไป อย่างไรก็ตาม ระยะนี้ได้มีการเคลื่อนไหวของพวกลามะจากธิเบต ส่วนใหญ่ก็มาเพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธในอาณาบริเวณตะวันตกและตอนกลางของภูฏาน

• การเข้ามาของลามะจากธิเบตนั้นมากันหลายนิกาย และมามากขึ้นในระยะศตวรรษต่อมา ลามะที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็น ลักขะ-ปะ-ลามะ (Sakya-pa-lama) ชื่อ Trinley Rabgyang เดินทางมาภูฏาน ในตอนครึ่งหลังคริสต์ศตวรรษที่ 15 และได้มาสร้างวัดขึ้นหลายแห่ง แม้ว่าอิทธิพลนิกายของเขาจะมีช่วงระยะเวลาที่สั้นก็ตาม พวกลามะนิกายตันตริก (Tantrik lamas) ได้เดินทางมากันเป็นจำนวนมากและมาพำนักอยู่ในภูฏานตะวันตก พวกนี้มาเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 12-14 อิทธิพลของลามะพวกนี้มีมากทีเดียว ในคริสต์ศตวรรษที่15 Terton Pemalingpa เชื่อกันว่า เป็นคุรุปัทมสัมภวะมาเกิดใหม่ในบัมทัง เขาได้แสดงการร่ายรำให้เห็นถึงชีวิตบนสวรรค์ซึ่งจะนำประชาชนไปสู่สวรรค์ในชีวิตหน้า ชีวิตบนสวรรค์ดูจะเป็นเครื่องดึงดูดใจของทุกศาสนาที่เดียว ผู้สืบต่อจาก Pemalingpa ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในประเทศแห่งนี้ และอ้างว่า Jigme Namgyal ซึ่งเป็นปู่ของปู่ของกษัตริย์องค์ปัจจุบันของภูฏานนี้สืบเชื้อสายจาก Pemalingpa

• ประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 นิกายดรุกปะ (Drukpa) ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของนิกายหมวกแดง (Red Cap) ได้เข้ามาในภูฏานโดยลามะ ฟาโจ (Lama Phajo) ซึ่งเป็นสานุศิษย์ของ Sangye Onre ผู้ซึ่งเป็นสาวกของ Yeshe Dorje เป็นผู้ก่อตั้งนิกายคนหนึ่งชื่อของนิกายนี้เอามาจากการเห็นตัวมังกรในท้องของ Yeshe Dorje ในขณะที่เขากำลังสร้างวัดอยู่ตามตำนาน คุรุ ปัทมสัมภวะ ได้ทำนายไว้แต่แรกไว้ว่า สาวกคนหนึ่งของ Yeshe Dorje จะมาที่หุบเขามงคลแห่งนี้และจะสร้างวัดขึ้นที่นั่น

• ภายหลังจากที่ศาสนาพุทธเสื่อมลงในอินเดีย ธิเบตก็ไม่ได้ยึดอินเดียเป็นผู้นำทางศาสนาของตนอีกต่อไป ดังนั้นในระยะนี้จึงเกิดมีนิกายต่างๆเกิดขึ้นมากมาย และมีการแข่งขันกันเพื่อจะได้เป็นใหญ่ในธิเบต ในที่สุดนิกายหมวกเหลืองหรือเรียกว่า Geluk-pas ซึ่งมี Dalai Lama เป็นหัวหน้า ซึ่งเป็นนิกายที่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อคริสต์ศตวรรษที่14 โดยนักปฏิรูปชาวธิเบตที่มีชื่อเสียงชื่อ Tshongkhapa ก็สามารถทำให้นิกายอื่นๆไปสร้างอิทธิพลใหม่ในขณะเดียวกันก็เป็นผลให้นิกายหมวกแดงหรือ Kagyu-pas ต้องถอนร่างตัวเองไปอยู่ทางใต้และมามีอิทธิพลที่เข้มแข็งอีกในภูฏาน เนปาลและสิกขิม ในขณะที่นิกายต่างๆจากธิเบตพยายามแข่งขันกันแย่งชิงความเป็นใหญ่ในภูฏาน ในที่สุดก็มี Drukpas สามารถเอาชนะได้ในคริสต์ศตวรรษที่17 ผู้สร้างอำนาจและอิทธิพลนี้คือ Ngawang Namgyal แห่งราชวงศ์ Gya ที่ Ralung ในธิเบต กล่าวกันว่าสืบเชื้อสายโดยตรงจากน้องชายของ Yeshe Dorje (เป็นผู้หนึ่งของผู้ก่อตั้งนิกาย) Ngawang Namgyal เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงส่ง และมีสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลม เขาอ้างว่าตนเป็น Pema Karpo แห่ง Ralung กลับชาติมาเกิด ซึ่งถือว่าเป็นนักปราชญ์และนักบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนิกาย Drukpa แต่เมื่อเขาพบคู่แข่งเข้า ทำให้เรื่องความเชื่อของการเกิดใหม่ดังกล่าวนี้เสื่อมไป เขาจึงต้องหนีออกจากธิเบตและเข้าไปในภูฏานในปี 1616 ที่ภูฏานเขาก็สามารถสร้างอิทธิพลอาณาจักรและอิทธิพลทางศาสนาได้ และเขาได้เป็นที่รู้จักกันในนามของShabdung Rimpoche หรือ Dharma Raja ในระหว่างที่ปกครองภูฏานอยู่ 35 ปี เขาได้ทำลายกองทัพของ Deba Tsangpa แห่งธิเบตสำเร็จ ชัยชนะครั้งนี้ได้สร้างมิติใหม่ให้แก่อำนาจและอิทธิพลของพระองค์ ในที่สุดพระองค์ก็ได้ทำลาย Deba และครอบครัวของ Deba โดยอาศัยพิธีกรรมของนิกายตันตริกนั้นเอง พระองค์ยังแต่งบทรำอีกหลายประเภทและตีความใหม่ให้กับการร่ายรำแบบเก่า

การเมือง

มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ภายใต้การปกครองโดย สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ทรงปกครองประเทศโดยมีคณะองคมนตรีเป็นที่ปรึกษา และสภาแห่งชาติที่เรียกว่า ทรองดู (Tsongdu) ทำหน้าที่ในการออกกฎหมาย ประกอบด้วยสมาชิก 161 คน

สมาชิก 106 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน
สมาชิก 55 คน มาจากการแต่งตั้งของพระมหากษัตริย์
ในสมัยศตวรรษที่ 17 ลามะ ซับดุง นาวัง นำเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal Rama) ได้รวบรวมภูฏานให้เป็นปึกแผ่นและก่อตั้งเป็นประเทศขึ้น และในปี 2194 ลามะ ซับดุง ได้ริเริ่มการบริหารประเทศแบบสองระบบ คือ แยกเป็นฝ่ายฆราวาสและฝ่ายสงฆ์ ภูฏานใช้ระบบการปกครองดังกล่าวมาเป็นเวลากว่าสองศตวรรษ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2450 พระคณะที่ปรึกษาแห่งรัฐ ผู้ปกครองจากมณฑลต่าง ๆ ตลอดจนตัวแทนประชาชนได้มารวมตัวกันที่เมืองพูนาคา และทำการเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ สมเด็จพระราชาธิบดีอูเก็น วังชุก ([[King Ugyen Wangchuck) ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ปกครองเมืองทรองซา (Trongsa) ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์แรกของภูฏาน โดยดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์แรกแห่งราชวงศ์วังชุก (Wangchuck Dynasty) ในปี พ.ศ. 2450 เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นของพระองค์ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้ปกครองเมืองทรองซา ทรงมีลักษณะความเป็นผู้นำ และเป็นผู้นำที่เคร่งศาสนา และมีความตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ราชวงศ์วังชุกปกครองประเทศภูฏานมาจนถึงปัจจุบันสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ปัจจุบันทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 5 คือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ([[King Jigme Khesar Namgyal Wangchuck][) ขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2549 เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก

ภูฏานจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นครั้งแรกในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2551 มีพรรคการเมืองสองพรรค

โปรโมชั่น จดทะเบียนบริษัทกับเราวันนี้


โปรโมชั่น สำหรับลูกค้าจดทะเบียนใหม่

พิเศษ !!! สำหรับลูกค้าจดทะเบียนใหม่

ส่วนลดพิเศษ!! จัดทำเว็บไซต์จาก ปกติ 12,000 บาท เหลือเพียง 3,500 บาท
ฟรี !!! ระบบอีเมล์ภายใต้ชื่อโดเมนเนม

 
 

โปรโมชั่น ลูกค้าจดทะเบียนใหม่และทำบัญชี

พิเศษ !!! ลูกค้าจดทะเบียนใหม่และทำบัญชี

ฟรี เว็บไซต์ สำหรับบริษัทพร้อมแนะนำการทำตลาดออนไลน์
ฟรี ออกแบบโลโก้บรษัท
ฟรี รูปแบบใบส่งสินค้า ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงินและเอกสารสำคัญอื่นๆ
ฟรี ขึ้นทะเบียน ระบบ E-FILING เพื่อใช้นำส่งงบการเงินกับกระทรวงพาณิชย์
ฟรี จดทะเบียน ภ.อ.01 เพื่อใช้ยื่นภาษีผ่าระบบออนไลน์
ฟรี จัดเตรียมเอกสารขึ้นทะเบียน E-GP (ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ)
ฟรี ที่ปรึกษาด้านการตลาดและบริหารธุรกิจ

การจดทะเบียนธุรกิจ ประเภทต่างๆ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับกิจการที่เราจะทำ จำเป็นจะต้องพิจารณาให้ละเอียด เพื่อการเริ่มต้นที่ดี

คำถามที่พบบ่อย ?

ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด ร้านค้าจดทะเบียนบริษัทที่ไหน? จดบริษัทจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง? จดบริษัทต้องใช้ผู้ก่อตั้งกี่คน? จดบริษัทต้องมีทุนจดทะเบียนเท่าไหร่? ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร บริษัทต้องเสียภาษีอะไรบ้าง? บริษัทจดคนเดียวได้ไหม? บริษัทสามารถใส่วัตถุประสงค์ได้กี่ข้อ? จะรับงานราชการต้องจดทะเบียนแบบไหน? บริษัทจะต้องขึ้นประกันสังคมหรือไม่? ต้องมีลูกจ้างกี่คนถึงจะขึ้นประกันสังคม? จะเริ่มทำบัญชียังไง? ลูกค้าให้จดเป็นนิติบุคคล จะจดแบบไหนดี? มีชาวต่างชาติถือหุ้นด้วยจะจดบริษัทได้ไหม? การตั้งชื่อบริษัทควรจะตั้งอย่างไร? ถ้าเปิดบริษัทแต่ยังไม่มีรายได้ต้องเสียค่าทำบัญชีไหม ต้องปิดงบการเงินหรือไม่? ถ้ามีชื่อในบริษัทอื่นแล้ว จะตั้งบริษัทใหม่ได้ไหม? ทำบิล ทำใบกำกับภาษี ไม่เป็น จะทำยังไง? กรรมการบริษัท คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร? ผู้ถือหุ้น คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร ? จะเปิดบัญชีกับธนาคาร ในนามบริษัทต้องทำอย่างไร? ที่ตั้งบริษัท ใช้บ้านที่ต่างจังหวัดได้หรือไม่?……..

โทรหาเรา เพื่อขอรับคำปรึกษา โทร : 083-622-5555

จดทะเบียนบริษัทภูฏาน
Tagged on: